แสงสีแดง(ลับตา) ตามธรรมชาติ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร?

ทำความเข้าใจแสงสีแดง(ลับตา)

แสงสีแดง(ลับตา) เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากกระบวนการหลายอย่างในสิ่งแวดล้อม โดยแสงสีแดง(ลับตา) มีความยาวคลื่นที่ยาวกว่าช่วงที่ตามนุษย์สามารถมองเห็นได้ ทำให้เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ยังคงมีบทบาทสำคัญในกระบวนการต่าง ๆ ของธรรมชาติ

5 ข้อหลักที่เป็นกระบวนการเกิดของแสงสีแดง(ลับตา)

ช่วงเวลาของวัน

ขอบคุณรูปจาก รูปจาก Apogee Instruments Inc.

สัดส่วนของแสงสีแดง(ลับตา) ในแสงแดดธรรมชาติ เข้าปรับเปลี่ยนตลอดทั้งวัน ในช่วงเช้าตรู่และเย็น (พระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก) มุมของดวงอาทิตย์จะต่ำกว่า และเส้นทางแสงผ่านบรรยากาศยาวขึ้น ส่งผลให้มีการกระเจิงของความยาวคลื่นสั้นมากขึ้น และมีปริมาณแสงสีแดง(ลับตา) สัมพัทธ์ที่มากขึ้นถึงพื้นดิน

จังหวะแสงแดดส่อง

ขอบคุณรูปจาก Apogee Instruments Inc.

แหล่งกำเนิดหลักของแสงสีแดง(ลับตา) คือแสงแดด ดวงอาทิตย์ปล่อยแสงออกมาทั้งสเปกตรัมรวมถึงแสงสีแดงไกล (ประมาณ 700-800 นาโนเมตร) เมื่อแสงแดดมาถึงโลกจะมีการผสมผสานของความยาวคลื่นเหล่านี้

การกระเจิงแสงในชั้นบรรยากาศ

ขอบคุณรูปจาก Apogee Instruments Inc.

เมื่อแสงแดดผ่านบรรยากาศของโลก ความยาวคลื่นที่สั้นกว่า (เช่น แสงสีน้ำเงิน และอัลตราไวโอเลต) จะถูกกระเจิงมากกว่าความยาวคลื่นที่ยาวกว่า เช่น แสงสีแดงและแสงสีแดง(ลับตา) ผลกระทบนี้เรียกว่าการกระเจิงของเรย์ลีห์ ช่วยให้แสงสีแดงและแสงสีแดง(ลับตา) จำนวนมากขึ้นมาถึงพื้นดิน โดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตกเมื่อเส้นทางแสงผ่านบรรยากาศยาวที่สุด

การสะท้อนจากพื้นผิว

ขอบคุณรูปจาก Apogee Instruments Inc.

พื้นผิวต่าง ๆ บนโลก รวมถึงดิน น้ำ และพืชพรรณ สะท้อนแสงแดด และสามารถสะท้อนจากพื้นผิวเหล่านี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการมีอยู่ในสิ่งแวดล้อม เช่น ต้นไม้สะท้อนแสงสีแดง(ลับตา) ได้มีประสิทธิภาพมากกว่าความยาวคลื่นอื่น ๆ ซึ่งส่งผลต่อสภาพแสงใต้เรือนยอดของต้นไม้

แรงร่มเงากับพืชใต้พุ่ม

ขอบคุณรูปจาก Apogee Instruments Inc.

ในป่าหรือพืชพรรณที่หนาแน่น สภาพแสงจะถูกปรับเปลี่ยนเมื่อแสงแดดกรองผ่านใบพืช มี 2 ประเภทคือ การหลีกเลี่ยงร่มเงา และการทนทานต่อร่มเงา ซึ่งใบพืชจะดูดซับแสงสีน้ำเงินและแสงสีแดงเป็นส่วนใหญ่สำหรับการสังเคราะห์ด้วยแสง แต่แสงสีแดง(ลับตา) จะถูกดูดซับน้อยกว่าและถูกส่งผ่านหรือสะท้อนมากกว่า สิ่งนี้สร้างสภาพแสงใต้เรือนยอดที่มีแสงสีแดง(ลับตา) มากกว่าแสงแดดเปิด

สรุปรวบยอดแสงสีแดง(ลับตา)

แสงสีแดง(ลับตา) ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีบทบาทสำคัญในกระบวนการทางนิเวศวิทยาและชีวภาพต่าง ๆ เช่น การเจริญเติบโต การออกดอก รวมถึงผลรวมมวลชีวภาพ โดยมีอิทธิพลต่อสภาพแสงที่ต้นไม้ และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ นั้นได้รับ หากต้องการแสงสีแดง(ลับตา) ได้ทุกช่วงเวลา ไม่ง้อแสงอาทิตย์ LEAF5 มี SAP ไฟเสริมแสงสีแดง(ลับตา) มีผลต่อการปลูก แถมสะดวกใช้งานง่าย ใช้ได้ตลอดทั้งวัน ไม่ต้องรอพระอาทิตย์ เคล็ดลับง่าย ๆ ที่นักปลูกหลายคนเลือกใช้กัน

*ขอบคุณข้อมูล(บางส่วน) และรูปจาก Apogee Instruments Inc.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *